ในการทำงานแฟชั่นโชว์บนรันเวย์แฟชั่นชั่นวีค ณ มหานครนิวยอร์ค หรือเมืองแฟชั่นอย่างปารีสของกอมม์ เดส์ การ์ซงส์ หนึ่งในชื่อทีมงานคนสำคัญที่แทบจะไม่เคยขาดเลยตั้งแต่ เรย์ คาวาคูโบ จัดแสดงแฟชั่นโชว์ครั้งแรกที่ปารีส เมื่อ ค.ศ.1991 คือ จูเลียน ดีส์ (Julien d’Ys) ช่างผมคู่คิดผู้สร้างสรรค์และบันดาลผลงานได้ดั่งใจดีไซเนอร์ในทุกๆครั้งที่เปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่บนเวที
จูเลียน ดีส์เป็นชาวฝรั่งเศส เกิดที่แคว้นบริทานี ชื่อนี้เป็นเพียงชื่อในวงการ ส่วนชื่อจริงเขาขอสงวนไว้เพื่อความเป็นส่วนตัว จากพื้นฐานการศึกษาของเด็กที่ไม่ชอบเรียนหนังสือแต่ชอบศิลปะ ทำให้จูเลียนมีฝีมือทั้งด้านการวาดเส้น เขียนรูป ปั้นงานประติมากรรม ทำงานคอลลาจ ถ่ายภาพ เรียกว่าทำได้ครบถ้วนทุกด้าน จึงไม่แปลกที่เขามีความฝันอยากเป็นศิลปินเพื่อทำงานศิลปะที่รัก แต่ปรากฏว่าพรสวรรค์และฝีมือของจูเลียนกลับนำเขามาสู่การสร้างงานศิลปะอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเขาไม่เคยมีภาพในหัวเลยว่าวันหนึ่งเขาจะกลายมาเป็นช่างผม
เส้นทางนี้ของเขาเริ่มเมื่อครอบครัวย้ายเข้ามาอยู่ใกล้ปารีส จูเลียนตื่นตาในความศิวิไลซ์ของเมืองหลวง เขาเริ่มต้นทำงานในซาลอนชื่อดัง Jean Louis-David ทำให้มีโอกาสตัดผมให้กับคนดังในวงสังคมมากมาย ก่อนจะพักไปรับใช้ชาติด้วยการเป็นทหาร เมื่อกลับมาเขาก็เริ่มโลดแล่นไปในวงการแฟชั่นร่วมงานกับดีไซเนอร์มากมายรวมทั้งเรย์ คาวาคูโบด้วย
จูเลียนชอบคำว่า Hair Artist มากกว่าคำว่า Hair Stylist เพราะเขารู้ว่าตัวเองไม่ใช่แค่ผู้ออกแบบผม แต่เป็นศิลปินที่สร้างงานศิลปะบนเรือนผมนั่นน่าจะตรงกับสิ่งที่เขาทำที่สุด และด้วยผลงานที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นมาในแต่ละครั้งเป็นดั่งงานศิลป์ที่ใช้เวทย์มนต์เสกให้ออกมาเป็นได้ทั้งภาพจิตรกรรม งานประติมากรรม จูเลียนจึงได้ฉายาอีกว่าเป็น Hair Magician เขาเป็นช่างผมคนแรกที่ทำให้ผมในการแสดงแฟชั่นโชว์ดูเลอะ เขรอะ เปรอะเปื้อน เมื่อเขาใช้จาระบี ว้อดก้า โคลน หรือบางครั้งใช้ผงแป้งมาผสมกับการทำผม
เขาบอกว่าการทำงานกับเรย์ คาวาคูโบ เปิดโอกาสให้เขาได้แสดงความสามารถอย่างอิสระและเต็มที่ ไม่มีกรอบของความคิด มีแค่คำเพียงคำเดียวสำหรับการทำงานแต่ละครั้ง เช่น คำว่า Silver, Monster, Invisible คำเหลานี้ล้วนเป็นนามธรรมที่จูเลียนต้องตีให้แตกและทำให้เป็นรูปธรรมขึ้นมา
จูเลียนยกตัวอย่างการทำงานสำหรับคอลเลคชั่น COMME des GARCONS Spring 2017 ที่เรย์บอกแค่ว่า Invisible ให้ฟังว่า พอได้ยินคำนี้เขายอมรับว่านั่นเป็นคำจำกัดความที่ยากมาก ทำให้เอาเขาแทบบ้าเพราะความคิดแรกคือเป็นไปไม่ได้ เขาจะทำยังไง ไม่มีผม ไม่มีอะไรเลยหรือ
แต่เมื่อตีโจทย์แตก เขานำเสนองานออกมาด้วยการนำโรลม้วนผมพลาสติกแบบใสมาละลายสานขึ้นรูปใหม่ให้เป็นเสมือนเส้นผมที่งอกมาจากหนังศีรษะของนางแบบ
ปรกติจูเลียนจะมีเวลาคิดสร้างงานประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนถึงวันโชว์ เพราะเรย์จะไม่บอกอะไรเขาจนกว่าจะใกล้ถึงวัน และระหว่างทำงานเขาจะไม่ได้เห็นเสื้อผ้าสำหรับโชว์จนก่อนวันโชว์เพียง 1 วัน เขาบอกว่า
“เมื่อผมไม่มีอิสระ ผมก็ทำไม่ได้ดี แต่เมื่อเขาไว้ใจผม ผมทำได้ดีมาก”
จูเลียนชื่นชมการทำงานและผลงานของเรย์ คาวาคูโบ เสมอมา
“ถ้าผมเป็นทหาร ผมก็เป็นทหารหน่วยกอมม์ เดส์ การ์ซงส์ เรย์เป็นอัจฉริยะ และผมก็นับถือเธอมาก เพราะเธอผลักดันทำให้ผมได้คิดทำสิ่งใหม่ๆเสมอ”
ความเข้าใจ ไว้ใจกัน ทำให้ผลงานของศิลปิน 2 แขนงที่ทำร่วมกันออกมาอย่างอัศจรรย์เสมอ
“มีบางอย่างที่เป็นความมหัศจรรย์ราวกับมีมนต์วิเศษระหว่างผมกับเรย ผมจะนอนไม่ค่อยหลับในคืนก่อนวันโชว์ เพราะอยากให้งานออกมาดีอย่างที่เรย์คาดหวังไว้”
ในการทำงานทุกครั้ง นอกจากภาพที่ปรากฏบนรันเวย์จะถูกบันทึกเป็นภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวแล้ว ก่อนที่สำเร็จเป็นผลงานจูเลียนจะบันทึกความคิด ความรู้สึก รูปแบบ วัสดุที่เลือกใช้ ขั้นตอนการทำงาน การทำงานจริง ในสมุดที่เขา เรียกว่า Carnet หรือสมุดบันทึกที่มีทั้งภาพสเก็ตช์ ตัวอย่างของวัสดุที่เลือกใช้ ภาพถ่ายโพรารอยด์ ภาพวาด ทำให้ในการทำงานแต่ละครั้งเขาจะได้สมุดงานศิลปะเพิ่มมาด้วยอีก 1 เล่มเสมอ
สำหรับผลงานที่เด่นที่สุดในปีนี้ของจูเลียนที่ทำร่วมกับเรย์ คาวาคูโบ และ กอมม์ เดส์ การ์ซงส์ คือ นิทรรศการที่พิพิธภัณฑ์เมต นิวยอร์คที่เพิ่งจบลง ซึ่งนอกจากเป็นการวบรวมผลงานออกแบบเสื้อผ้าของแบรนด์แล้ว ยังได้รวบรวมงานออกแบบผมสำหรับโชว์แต่ละคอลเลคชั่นของจูเลียนด้วย
และผลงานชิ้นล่าสุดบนแฟชั่นโชว์กอมม์ เดส์ การ์ซงส์ แฟชั่นวีค สปริง 2018 ก็ทำให้เราได้ตื่นตะลึงอีกครั้ง เมื่อจูเลียนได้เลือกใช้วัสดุต่างๆ ตั้งแต่ของตุ๊กตา ของเล่นเด็ก ไปจนถึงผ้าปิดตา นำมาผสมผสานกับเค้าโครงทรงผมที่แปลกใหม่ได้อย่างลงตัว
แน่นอนว่าความร่วมมืออันดีนี้จะยังคงมีอยู่ต่อไป ติดตามความมหัศจรรย์แห่งเส้นผมของเขาได้จากแฟชั่นโชว์กอมม์ เดส์ การ์ซงส์ คอลเลคชั่นต่อๆไป
Cr Pics : businessoffashion, dazeddigital, thecut,